หากตัดสินใจแล้วว่าระบบ Cloud Computing คือคำตอบที่ใช่ และท่านกำลังชั่งใจอยู่ว่าจะใช้บริการ Cloud ของที่ไหนดีหรืออีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ จะใช้ Cloud Service Provider (Global) ที่อยู่ต่างประเทศหรือภายในเทศไทย (Local) ของเราเองดี โดยผมหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ท่านตัดสินใจเลือกได้ง่ายขึ้นนะครับ : )
CSP ที่เป็นแบบ Local นั้นก็คือ ทั้ง Hardware, Software, ระบบบริหารจัดการและผู้ดูแลระบบตั้งอยู่ภายในประเทศไทยทั้งหมด ตัวอย่างเช่น TrueIDC, CAT, WhiteSpace เป็นต้น
ส่วน CSP ที่เป็น Global ก็อย่างเช่น VMware vCloud, Microsoft Azure, Rackspace, Amazon AWS เป็นต้น ซึ่งทุกอย่างอยู่ต่างประเทศทั้งหมด
1. ค่าใช้จ่าย
สิ่งแรกที่เป็นจุดขายและทุกคนคาดหวัง ว่าการใช้บริการ Cloud นั้นจะช่วยให้เราประหยัดเงินในกระเป๋าได้ ซึ่งก็อาจจะเป็นไปได้หากได้รับการวางแผนและเอาใจใส่อย่างจริงจัง หาไม่แล้วอาจจะได้ไม่คุ้มก็เป็นได้นะครับ ที่นี้แล้ว CSP ที่เป็นแบบ Local หรือ Global อันไหนถูกกว่ากันหล่ะ?
ในส่วนนี้ให้มองข้ามประเด็นอื่นๆ ไปก่อนนะครับ เรามาลองดูกันเล่นๆ ว่าถ้าต้องจ่ายเงิน 10,000 บาททุกๆ เดือน เพื่อใช้บริการ Cloud Server เราจะได้อะไรบ้าง (ย้ำว่าคือนี้คือข้อมูลราคาเบื้องต้นเท่านั้น การใช้งานจริงนั้นจะมีค่าอื่นๆ เพิ่มขึ้นมาอีก เช่น ค่า Service Charge ค่า Data Transfer เป็นต้น ไว้จะไปขยายความกันในโอกาศหน้านะคับ)
จากที่ดูราคากันแบบผ่านๆ ก็จะเห็นว่า Local CSP ราคาแอบแพงอยู่นิดๆ แต่อย่างที่บอกครับ พอใช้งานกันจริงๆ ราคามันจะเปลี่ยนไปอีก ตามปัจจัยและเงื่อนไขต่างๆ ของผู้ให้บริการนั้นๆ
อีกตัวแปรหนึ่งที่ผมคิดว่ามองข้ามไม่ได้ก็คือ ค่าเงินหรืออัตราแลกเปลี่ยน หากรายจ่ายต่อเดือนอยู่แค่หลักหมื่นคงไม่มีผลมากนัก แต่ถ้าเป็นหลักแสนสองแสนแล้วหล่ะก็....
2. ความยากง่ายในการติดตั้งและใช้งาน
ความยากง่ายในการติดตั้งระบบ หากเทียบกันระหว่าง Local และ Global แล้วผมว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ความซับซ้อนของระบบหรือแอพพลิเคชั่นสักเท่าไหร่ เพราะของพวกนี้เราสามารถหาข้อมูลและค่อยๆ ศึกษากันได้ แต่ในกรณีที่ท่านเกิดต้องการความช่วยเหลือจากผู้ให้บริการจริงๆ ขึ้นมาแล้วเขาผู้นั้นเป็นผรั่งแล้วหล่ะ นั้นแหละคือปัญหาที่แท้จริง เพราะการสื่อสารต้องเป็นภาษาปะกิดเท่านั้น ปัญหาที่ควรจะถูกแก้ไขภายเวลา 1 ชั่วโมงอาจจะกลายเป็น 1 วันก็ได้ หากสื่อสารกันไม่เข้าใจ
ในส่วนของ Self Service Web Portal อันนี้ก็ไม่ต้องคิดมากครับ ทาง Global ทำออกมาได้ดีกว่าอย่างแน่นอน บางเจ้ามีให้เลือกว่าจะใช้ระบบของ VMware VCloud, Microsoft HyperV หรือ OpenStack เลยด้วยซ้ำไป
3. ความเร็วและเสถียรภาพของระบบ
Cloud Server แต่ละเจ้าที่มี Spec เหมือนกันไม่ได้แปลว่าประสิทธิภาพที่ได้จะเท่ากันนะครับ ผมเห็นผลการทดสอบเปรียบเทียบระหว่าง Global CSP เทียบกัน พบว่า Azure และ HP ได้รางวัลชนะเลิศไปครอง แต่ก็ยังไม่เคยเห็นข้อมูลเทียบกันระหว่าง Local กับ Global แต่สิ่งหนึ่งที่บอกได้ว่ามันจะต่างกันคือเรื่องของ Media และ Bandwidth ถ้าหากเป้าหมายระบบของท่านเน้นให้บริการกับคนไทยหรือผู้ใช้งานภายในองค์กรโดยเฉพาะ Local CSP ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เราจำเป็นต้องคำนึงถึง Bandwidth Link Inter ขององค์กรด้วยนะครับ เพราะทุกอย่างมันจะวิ่งไปมาระหว่างประเทศทั้งสิ้น ดังนั้นต่อให้ระบบปลายทางดีแต่ระบบต้นทางและระหว่างทางไม่เอื้อ ก็ไม่เป็นประโยชน์ใดๆ คับ
4. เทคโนโลยีที่ให้บริการ
ยกให้ Global ไปครับ มีเยอะกว่าเป็นกระดงเลยครับ
Cloud Computing ไม่ได้มีแต่การทำ Virtualization เท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของ Networking, Security, Analytic, Backup Solution, Monitoring, Content Delivery, SaaS และ PaaS อีกซึ่งล้วนแล้วแต่ถูกยกไปอยู่ในระบบ Cloud Computing ได้แล้วทั้งสิ้น สำหรับ Local CSP ในบ้านเราส่วนใหญ่ก็จะให้บริการ IaaS กับ SaaS เท่านั้น ซึ่ง Features และ Service on top IaaS ก็ยังคงมีน้อยอยู่เช่นกันครับ
5. ความปลอดภัย
ขึ้นชื่อว่า Cloud แล้ว หลายคนคงผวาว่าข้อมูลที่อยู่ในนั้นจะปลอดภัยหรือเปล่า จะถูกแฮ๊กไหม หรือว่าจะไว้ใจ CSP ได้หรือเปล่าว่าจะไม่แอบส่องข้อมูลของเรา ดังนั้นเราจะเป็น CSP หลายๆ เจ้าพยายามให้ได้มาซึ่งมาตรฐานต่างๆ มากมาย เช่น ISO, PCI DSS หรือ Compliance ต่างๆ โดยของ Azure ผมเห็นเขาเขียนว่า Physical ทั้งหมดที่เสียแล้วนำไปถูกทำลายยังมีมาตฐานมาควบคุม ทั้งหมดเหล่านี้ก็เพื่อให้ผู้ใช้บริการมีความมั่นใจนั้นเอง ผมคิดว่าการเปรียบระหว่าง Local กับ Global ในหัวข้อนี้ไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะมันขึ้นอยู่กับ Service on top ที่ผู้ใช้งานจะเลือกด้วย เช่น เลือกใช้ Dedicated Server แทน Cloud Server หรือจะเลือกใช้ Virtual Private Cloud แทน Public Cloud หรือจะเสริมด้วย Firwall, IPS เข้าไปอีกก็ได้ ก็จะช่วยให้ระบบของเรามีความปลอดภัยมายิ่งขึ้น
และอีกคำถามหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ คุณรู้ได้อย่างไรว่า Legacy Infrastructure หรือ Internal Private Cloud นั้นปลอดภัยกว่า External Private/Public Cloud เพราะ CSP เจ้าต่างๆ นั้นจะระบบบริหารจัดการและบุคลากรที่มีรับผิดชอบระบบโดยเฉพาะ ซึ่งต่างกับระบบที่มี IT Admin ดูแลทุกอย่างตั้งแต่เครื่องปริ้นเสียไปจนถึงระบบถูก Hacked ต่อให้ในระบบมี Security Solution ครบอุกอย่างก็ตาม
6. ศักยภาพและการให้บริการของ Cloud Service Provider
การมีคู่คิดและผู้ช่วยที่ดีเป็นส่วนสำคัญในการทำให้เราประสบความสำเร็จ มีผู้ใหญ่ท่านนึ่งเคยถามผมว่า "ลูกค้าจะเชื่อและคล้อยตามคำพูดใครมากกว่ากัน ระหว่างคนเอเชียหัวดำกับฝรั่งหัวทอง ผมก็ตอบไปว่า "หัวดำครับ" เพราะผมไม่ได้ยินคำว่า "ลูกค้า" และเข้าใจว่าเขากำลังถามถึงตัวผมอยู่ เพราะโดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าฝรั่งขี้โม้ซะมาก แต่จริงๆ ก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอก ผิดกับคนเอเชียที่ส่วนใหญ่จะถ่อมตัวและไม่ค่อยพูดในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้จริง
กลับมาๆ เรื่องของเรา เรื่องความรู้สามารถของบุคลากรด้าน Cloud Computing ที่เป็นระดับผู้เชี่ยวชาญนั้นยังมีน้อยถึงแม้จะฝรั่งก็ตาม ยิ่งเป็นคนไทยด้วยแล้วคงจะนับนิ้วได้เลย ส่วนใหญ่ก็หนักไปทางผู้ใช้งานมากกว่าแต่ผู้ให้บริการหรือ Cloud Engineer เนี่ยน้อยจริงๆ สาเหตุก็คงมาจากเป็นเทคโนโลยีใหม่ ผู้ให้บริการมีน้อย และต้นทุนการลงทุนสูงมากจนทำให้มีผู้เข้าถึงได้น้อย และแน่นอนในสถานศึกษาไม่มีสอนเรื่องนี้โดยตรงเลย ดังนั้นแล้ว CSP ที่เป็น Global จึงได้เปรียบมากพอสมควรในด้านบุคลากรและความพร้อมในการให้บริการตั้งแต่แรกเริ่มไปจนถึง Support หลังการขาย
อย่างไรก็ตาม Level ของการ Support ก็มีให้เลือกตั้งแต่ไม่มีเลยก็ไปถึงระดับพร้อมพัฒนาระบบและดูแลให้ทุกอย่าง แน่นอนว่าราคาก็แพงสุดๆ ไปเลยเช่นกัน กลับกันถ้าเป็น CSP Local ผมยังไม่เห็นว่าเจ้าไหนจะชูโรงด้าน Service เป็นหลักและมองเรื่อง Cloud System เป็นรอง เพราะนั้นหมายถึงจะต้องมี Expertise ในหลายๆ ด้านอย่างครบวงจรจริงๆ ถึงอย่างนั้นผมก็เชื่อว่าประเทศไทยก็มีหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ที่กำลังช่วยกันผลักดันและพัฒนาทั้งในมิติของตัวระบบไปพร้อมๆ กับบุคลากร โดยมีลูกค้าหลายพันเจ้าจับตามองอย่างใกล้ชิดและพร้อมจะสนับสนุนคนไทยด้วยกันอย่างแน่นอน
ขอบคุณครับ,
ณัฐพล เทพเฉลิม
Blogger Comment
Facebook Comment